วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เกาะติดข่าวน้ำท่วม

น้ำเข้า แจ้งวัฒนะ พงษ์เพชร งามวงศ์วาน
คันกั้นคลองประปาแตก น้ำท่วมถนน กระทบปากเกร็ด เมืองทองธานี แจ้งวัฒนะ งามวงศ์วาน แยกพงษ์เพชร "ประชา" ลงพื้นที่เสริมคันกั้นน้ำ หน้าหมู่บ้านนันทวรรณ ขอประชาชนเก็บของขึ้นที่สูง ชี้น้ำมุ่งหน้าคลองสามเสน บึงมักกะสัน หวังเร่งสูบลงเจ้าพระยาทัน      
       จากเหตุการณ์น้ำคลองประปาทะลักล้น เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. ที่ผ่านมา เริ่มต้นที่ช่วงระยะ 200 เมตร จากถนนแจ้งวัฒนะมุ่งหน้าสี่แยกพงษ์เพชร บริเวณที่น้ำเอ่อล้นอยู่ตรงข้ามหมู่บ้านนันทวรรณ ได้ไหลท่วมถนน และส่งผลกระทบในพื้นที่ วัดสีกัน ดอนเมือง ปากเกร็ด เมืองทองธานี แจ้งวัฒนะ พงษ์เพชร งามวงศ์วาน
      
       พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผู้อำนวยการ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) ให้สัมภาษณ์สถานีเนชั่นแชนแนล ระบุว่า พื้นที่เกิดเหตุบริเวณคลองประปาที่น้ำเอ่อล้น มาจากน้ำหลากทุ่งที่มาจากนิคมอุตสาหกรรมนวนคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ส่วนน้ำที่หลากเข้าคลองรังสิต คันกั้นน้ำที่คลองรังสิตยังสมบูรณ์อยู่ไม่มีปัญหา ส่วนน้ำหลากทุ่งที่เข้ามาจากนวนคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต มาที่คลองประปา
      
       ขณะนี้ น้ำไหลแรง พอสมควร โดยน้ำมุ่งหน้าไปที่คลองสามเสน ซึ่งตรงนั้นมีสถานีสูบน้ำออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ และกระแสน้ำไหลไปอีกที่คือ บึงมักกะสัน ตรงนั้น มีเครื่องสูบน้ำของกทม. เพื่อลงแม่น้ำเจ้าพระยา มีเครื่องสูบระบายน้ำได้ 90 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งทางวิศวกรการประปา ได้ให้ความเห็นว่าถ้าเครื่องสูบน้ำทำงานได้เต็มที่ ก็อาจจะใกล้เคียงกันระหว่างน้ำที่ไหลเข้า กับน้ำที่สูบออก ซึ่งตอนนี้ได้ปิดประตูน้ำสำแลแล้ว เพื่อให้รับเฉพาะน้ำที่หลากทุ่งมาจากนวนคร และมธ. ซึ่งทาง กทม. ก็ร่วมมือเต็มที่ อีกสักพักนายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่มาที่จุดเกิดเหตุ
      
       "เราพยายามทั้งสองจุด ขอเตือนประชาชนชาวกทม. สถานการณ์ตอนนี้คับขัน ขอให้เก็บของขึ้นที่สูง น้ำจะไปถึงสามเสน เราพยายามเอาเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยเต็มที่ ขอเตือนประชาชนให้ติดตามข่าวนี้อย่างใกล้ชิด " พล.ต.อ.ประชา กล่าว
      
       นายสัญญา ชีนิมิตร ผู้อำนวยการ สำนักระบายน้ำ คิดว่า น่าจะระบายน้ำได้ปริมาณค่อนข้างมาก ออกสามเสน และไปอุโมงค์มักกะสัน ตอนนี้อยู่ที่แนวคันกั้นน้ำแต่ละจุด ว่าจะมีปัญหาหรือไม่ ถ้าพนังกั้นน้ำยังดีอยู่ ก็ช่วยระบายเต็มที่ ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน ต้องดูว่าน้ำมามากหรือไม่ หากแก้ปัญหาได้เร็วก็น่าควบคุมสถานการณ์ได้ ถ้าน้ำไม่เข้ามาเร็วกว่า 90 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ก็สูบออกไปได้ทัน
      
       นายเจริญ ภัสระ ผู้ว่าการประปานครหลวง กล่าวว่า จะปิดประตูน้ำที่ปากคลองรังสิต แล้วสูบน้ำในคลองประปา โดยสูบผ่านโรงสูบน้ำสามเสน บึงมักกะสัน ออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 ชม.
       เพิ่มเติมจากทวิตเตอร์ ของจส.100 และสวพ.91
       03.36 น.ภายในหมู่บ้านบูรพา 12 ถนนเวฬุวนาราม ด้านหลังหมู่บ้านติดคลองประปา มีน้ำไหลท่วมเข้าหมู่บ้านระดับน้ำถึงข้อเท้า และกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
       03.42 น.แยกพงษ์เพชร หมู่บ้านภัสสร น้ำเริ่มไหลเข้ามาแล้ว
       03.50 น.แยกพิบูลย์วัฒนา ถนนพระราม 6 น้ำเริ่มไหลมาจากคลองประปาเข้าถนนแล้ว
       03.51น.ถ.พระราม6 น้ำเริ่มล้นเข้ามาในช่องทางด้านซ้ายติดคลอง ตั้งแต่แยกประดิพัทธ์ ถึงโรงกรองน้ำสามเสน
      
       ภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ค Waris Delokdachapol
       ภาพประกอบ 2 จากทวิตเตอร์ @siamth: ระบุว่า "ริมคลองประปาแถบดอนเมืองบางช่วงน้ำไหลข้ามถนนละ"
ข้อมูลจาก ASTVผู้จัดการออนไลน์


นายกฯ โต้ข่าวหนีดูคอนเสิร์ต!ลั่นแก้น้ำท่วม อยู่ศปภ.
นายกฯ โต้กระแสข่าวหนีงานดูคอนเสิร์ตลั่นอยู่ศปภ.ทุ่มเวลาแก้น้ำท่วมวอนเลิกปล่อยข่าวแกล้งทางการเมืองพร้อมขอคนไทยสามัคคีช่วยกันฝ่าวิกฤต
วันนี้(19ต.ค.54) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสข่าวนายกรัฐมนตรีเดินทางไปชมคอนเสิร์ตว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะนอกจากอยู่ที่บ้านก็มีการปฏิบัติภารกิจที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง และที่ทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ขอปฏิเสธไม่ได้เดินทางไปงานบันเทิงใด ๆ รวมถึงไปรับประทานอาหารนอกบ้านก็ไม่ได้ไป ซึ่งตรงนี้ขอใช้เวลาทั้งหมดทุ่มเททำงานเพื่อประชาชน เพราะวันนี้อยู่ที่ไหนใจก็ไม่ได้เป็นสุข เพราะมีความห่วงใยประชาชนรวมถึงผู้เกี่ยวข้องก็รู้สึกเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัย
ไม่ทราบถึงกระแสข่าวข่าวดังกล่าวว่าใครเป็นคนปล่อยและมีมาได้อย่างไร แต่วันนี้พี่น้องประชาชนประสบปัญหาอุทกภัย ดังนั้นจึงอยากขอความเห็นใจว่าเราอย่ามองประเด็นในเรื่องของการเมืองหรือการกลั่นแกล้งกันเลย วันนี้เรามาตั้งหน้าตั้งตาทำงานเพื่อประชาชน ซึ่งส่วนตัวนายกรัฐมนตรีพร้อมที่จะรับฟังและน้อมรับ และขอความร่วมมือว่าวันนี้ขออนุญาตเอาเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ออกไปก่อน ขอให้ทุกคนรวมพลังมุ่งมั่นในการที่จะแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน และมุ่งมั่นที่จะช่วยกันฝ่าฟันวิกฤตนี้ด้วยกันนางสาวยิ่งลักษณ์กล่าว
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีได้ร้องขอคนไทยทุกคนให้แสดงออกถึงความสามัคคีกัน ส่วนประชาชนที่จะต้องทำแนวคันกั้นน้ำและขอความร่วมมือด้วยในด้านของกำลัง ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา เยาวชนต่าง ๆ ตลอดจนองค์กร ขณะที่ในส่วนของ ศปภ. วันนี้ก็ได้มีการขอความร่วมมือในส่วนนักเรียนตำรวจเพื่อเข้ามาช่วยเสริมกำลังในบางส่วนที่พี่น้องประชาชนกำลังอ่อนล้า และจะเสริมในจุดของกรุงเทพมหานครในหลาย ๆ จุด ด้วย
ข้อมูลจาก TNN



น้ำเอ่อท่วม ถ.รังสิต-นครนายก คลอง1-4แล้ว
ถนนรังสิต - นครนายก ช่วงคลองหนึ่ง - สี่ น้ำเอ่อท่วมตลอดเส้นทาง สูงสุด 30 ซ.ม. การจราจรติดขัด ปชช. แห่ซื้อเสบียงกักตุนจำนวนมาก
สถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ ที่บริเวณถนนรังสิต - นครนายก ตั้งแต่คลองหนึ่ง - คลองสี่ ในขณะนี้มีนำเอ่อท่วมเกือบตลอดเส้นทาง ซึ่งบางจุดมีความสูงประมาณ 30 ซ.ม. ส่งผลให้การจราจรบริเวณนี้ชะลอตัว

ส่วนชาวบ้านพื้นที่ริมถนนตลอดเส้นทางที่ประกอบไปด้วยบ้านเรือนประชาชนและร้านค้าต่างๆ ก็ได้มีการก่ออิฐและทรายป้องกันน้ำที่อาจจะไหลเข้ามาทางถนนด้วย ขณะที่ตลอดเส้นทางนั้น ยังพบพ่อค้านำเรือที่ทำจากโลหะมาขายในราคาลำละ 5,900 บาทด้วย ซึ่งก็มีประชาชนสนใจสอบถามเป็นระยะ แต่ก็ยังไม่ตัดสินใจซื้อ เนื่องจากมีราคาที่สูงมาก
พร้อมกันนี้ ประชาชนบางส่วนได้เดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคเตรียมกักตุนไว้หากระดับน้ำนั้นเพิ่มสูงขึ้นกว่านี้
ข้อมูลจาก INN
ภาพจาก อินเตอร์เน็ต


ภาพ ฟิวเจอร์พาร์ค-เมเจอร์ รังสิต เป็นทะเลสาบ
สถานการณ์น้ำท่วม บริเวณพื้นที่รังสิต โดยหน้าห้างฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต มีน้ำท่วมสูงเฉลี่ย 15-20 ซม. ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปิดการจราจรในฝั่งขาออกมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เนื่องน้ำท่วมในจุดดังกล่าวสูงประมาณ 40-50 ซ.ม. ส่งผลให้การจรจรติดขัดอย่างหนัก
ด้านศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ได้ประกาศปิดให้บริการ เนื่องจากเส้นทางการจราจรโดยรอบไม่สะดวกเพราะโดนน้ำท่วม ทั้งนี้ บิ๊กซียังเปิดให้บริการเวลา 09.00-23.00 น. และโฮมโปร เปิดให้บริการเวลา 10.00 -20.00 น. โดยทางศูนย์การค้าฯ จะประเมินสถานการณ์เปิด-ปิดให้บริการวันต่อวัน
สำหรับผู้ที่นำรถมาจอดไว้ที่ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค ขอความกรุณาอย่านำรถออกจากศูนย์การค้าฯ โดยศูนย์การค้าฯ ไม่มีการเรียกเก็บค่าที่จอดรถ จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม นี้
ขอบคุณภาพจาก Facebook Krit Jenpanichkarn และ Chanai rit
ข้อมูลบางส่วนจาก Mthai.com


สุขุมพันธุ์ สั่งอพยพ ชาวบ้าน นอกคันคลองหกวา ด่วน!
  “สุขุมพันธุ์สั่งอพยพประชาชน 200 ครัวเรือน นอกแนวคันกั้นน้ำคลองหกวา หลังระดับน้ำคลอง 2 เพิ่มขึ้น เร่งเสริมแนวกระสอบทรายเป็น 3.50 เมตร หนาขึ้นเป็น 3 แถว ปิดถนนเลียบคลอง ลั่นไม่ยอมให้ใครจมน้ำ ส่วนถุงกระดาษใส่ทรายหากต้องนำไปใช้จริงๆ ยินดีรับผิด ชี้หากรัฐบาลไม่สนใจ กทม.พร้อมช่วยตนเอง
      
       วันนี้ (19 ต.ค.) เวลา 13.30 น.ที่โรงเรียนฤทธิยะวรรณลัย 2 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และคณะผู้บริหารเดินทางมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจกับอาสาสมัครที่มาช่วยกันบรรจุกระสอบทรายเพื่อนำไปสร้างคันกั้นน้ำริมคลองหกวา พร้อมกล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมได้กล่าวว่า จาก 3 ชั่วโมงที่แล้วระดับน้ำในคลอง 2 ได้เพิ่มสูงขึ้น 1 เซนติเมตร แต่ยังไม่เป็นปัญหา ทำให้ต้องเปิดประตูระบายน้ำที่คลอง2 เป็น 50 เซนติเมตร ซึ่งถือว่ากว้างมาก ถ้าเปิดมากกว่านี้อาจจะทำให้ประชาชนที่อยู่ในประตูระบายน้ำไม่ปลอดภัย สำหรับแนวคันกั้นน้ำคลองหกวาก็ได้เร่งเสริมความกว้างเป็น 3 แถว


ซึ่งมีความจำเป็นต้องปิดถนน จึงได้ประสานไปที่สน.สายไหม และสำนักงานเขตให้ประชาสัมพันธ์แก่ประชาชนในพื้นที่ และจะเริ่มดำเนินการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมกันนั้น จะเพิ่มความสูงอีก 1 เมตร ให้เป็น 3.50 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง นอกจากนี้การยกระดับถนนที่ซอยสายไหม 85 ก็จะให้แล้วเสร็จภายในวันนี้เช่นกัน จากระดับน้ำในคลองหกวาที่สูงขึ้น ได้ขอให้ผู้อำนวยการเขตสายไหมไปทำความเข้าใจกับประชาชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำที่กทม.กำลังสร้างบริเวณริมคลองหกวาประมาณ 200 ครัวเรือนให้อพยพไปที่ศูนย์อพยพ

คือ โรงเรียนฤทธิยะวรรรณลัย 2 และโรงเรียนสายไหม ซึ่งสามารถรองรับผู้อพยพได้กว่า 1,000 คน สำหรับประชาชนใน 7 เขตพื้นที่เสี่ยงที่ได้ประกาศเมื่อเช้านี้ ขอแนะนำให้เก็บข้าวของขึ้นที่สูง นำรถยนต์ไปจอดในที่ที่ปลอดภัย แต่ไม่ได้ประกาศให้อพยพ หากต้องมีการอพยพจะประกาศให้เตรียมตัวล่วงหน้าให้เร็วที่สุด
     ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า สำหรับคลองรพีพัฒน์ ที่มีปัญหาตอนนี้ ยังอยู่ไกลจากพื้นที่กทม.มาก แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้ประกาศเรียนให้ประชาชนทั้ง 7 เขต ทราบว่า ได้มีการเปลี่ยนแปลง จากที่กทม.และศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ประเมินว่า น่าจะมีปริมาณน้ำไหลลงสู่ทุ่งรังสิตประมาณ 1,200 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ว่าสามารถรับได้ 400 ลูกบาศก์เมตร ส่วนภารกิจที่โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัยเชื่อว่าจะเสร็จภายใน 48 ชั่วโมง ถ้าน้ำจะมาจริงๆ จะแจ้งให้ให้อาสาสมัครทราบ จะมีแค่เจ้าหน้าที่กทม.ที่เกี่ยวข้องอยู่เท่านั้น ถ้าเสี่ยงมากจริงๆ ก็จะเรียนให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ จะไม่ยอมให้ใครจมน้ำ ส่วนน้ำในคลองสายหลัก เช่น คลองรังสิต-ประยูรศักดิ์ คลองหกวา ที่มีปริมาณน้ำมาก อาจจะส่งผลกระทบต่อกรุงเทพฯ กทม.ได้ประเมินตลอดเวลา น้ำที่ไหลมาทุ่งรังสิตก็จะมีการบริหารจัดการจากรัฐบาล เพราะมีระบบคลองมากมาย และมีการกระจายไปตามคลองต่างๆ
      
       “ถุงกระดาษที่พบเมื่อวานนี้ ทีแรกนึกภาพว่ากระสอบทรายที่รัฐบาลให้มาต้องเป็นแบบของกทม. เมื่อเห็นเป็นถุงกระดาษผมก็ตกใจ คงต้องปรับความเข้าใจให้ตรงกัน แต่ก็ไม่เป็นไร เราจะเก็บไว้สำรองก่อน อาจจะทำเป็นแนวที่ 3 เมื่อใดที่นำไปใช้ผมก็ต้องรับผิดชอบ ซึ่งต้องมั่นใจด้วยว่าถ้านำไปใช้แล้วต้องมีคุณภาพ และถ้ารัฐบาลมีภารกิจที่อื่น ไม่สามารถแบ่งความสนใจมาที่เราได้ เราก็ต้องช่วยตัวเองผู้ว่าฯ กทม.

ข้อมูลจาก ASTVผู้จัดการออนไลน์


น้ำไหลท่วมถนนพระอาทิตย์
เมื่อเวลา 11.45 น. วันนี้ (19 ต.ค.) กระสอบทรายที่ทางกรุงเทพมหานครได้กั้นเอาไว้เป็นคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านหลังอาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ ไม่สามารถต้านทานแรงดันน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มสูงขึ้น จึงพังทลายลง
ทำให้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลทะลักเข้าท่วมลานด้านข้าง ของอาคารบ้านเจ้าพระยา และไหลออกมาท่วมถนนพระอาทิตย์ผ่านทางประตูด้านทิศเหนือ ติดกับสวนสาธารณะ สันติชัยปราการอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำสูงประมาณ 20 เซนติเมตร
ขอบคุณข้อมูล และภาพจาก เฟซบุก Kittinun Nakthong


ปากเกร็ด สั่งอพยพ 3 ตำบลด่วน!
นายอำเภอปากเกร็ด สั่งอพยพ 3 ตำบล "คลองพระอุดม-บางตะไนย์-คลองข่อย" หลังระดับน้ำท่วมเพิ่มสูงต่อเนื่อง เตรียมศูนย์อพยพ 2 จุด "ร.ร.สวนกุหลาบ นนท์- ร.ร.ปากเกร็ด" รับคน ขณะที่ประตูน้ำพระยาบรรลือ-พิมลราช น้ำล้นบางบัวทองท่วมหนัก
      
       วันนี้(18 ต.ค.)
นายวิสิทธิ์ พวงเพชร นายอำเภอปากเกร็ด จ.นนทบุรี กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.นนทบุรี ว่า ขณะนี้ได้ประกาศให้ชาวบ้านใน อ.ปากเกร็ด 3 ตำบล คือ ต.คลองพระอุดม ต.บางตะไนย์ และ ต.คลองข่อย ขนย้ายทรัพย์สินอพยพออกจากบ้านเรือนเป็นการด่วน หลังจากที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ระดับน้ำที่ท่วมอยู่ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

 เนื่องจากมีน้ำจาก จ.ปทุมธานี ไหลอ้อมผ่านมาทางพื้นที่ อ.บางบัวทองและเข้าสู่เขต อ.ปากเกร็ด ส่งผลให้แนวคันดินกั้นน้ำที่สร้างกั้นน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไว้พังหลายจุด ทำให้เกิดน้ำท่วมสูงตามถนนและบ้านเรือนของประชาชนทั้ง 3 ตำบล ทางอำเภอต้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหารนำเรือและอุปกรณ์เข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมสูงและต้องการอพยพออกจากที่อยู่อาศัยตลอดทั้งวัน
      
       "ระดับน้ำในวันนี้มีความสูงถึง 3 เมตร 8 เซนติเมตร ทางอำเภอต้องประกาศให้ชาวบ้านอพยพหนีน้ำออกมาเพื่อความปลอดภัยทันที โดยได้เตรียมสถานรองรับให้กับประชาชนที่อพยพไว้แล้วด้วยกัน 2 จุด คือที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยนนทบุรีและที่โรงเรียนปากเกร็ด ขณะเดียวกันทาง อบต.บางพลับ ก็กำลังเร่งเสริมแนวกันน้ำเพิ่มขึ้นเพื่อรับมือกับน้ำที่กำลังสูงขึ้น ซึ่งขณะนี้เหลือเพียง ต.บางพลับเพียงตำบลเดียวที่ยังสามารถกันน้ำเอาไว้ได้"นายวิสิทธิ์กล่าว
      
       นอกจากนี้เมื่อเวลา 15.00 น. ปริมาณน้ำจำนวนมากที่ไหลมาจาก จ.ปทุมธานี ได้ล้นประตูระบายน้ำพระยาบรรลือ และ ประตูระบายน้ำ พิมลราช ในอ.บางบัวทอง ส่งผลให้น้ำเริ่มไหลเข้าท่วมหลายพื้นที่ใน อ.บางบัวทองเป็นวงกว้างแล้ว

ข้อมูลจาก ASTVผู้จัดการออนไลน์


การทางพิเศษฯ จัด 7 จุด ใต้ทางด่วน ให้จอดรถฟรีได้
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย จัด 7 จุดใต้ทางด่วน ให้ประชาชนจอดรถหนีน้ำท่วม รองรับได้กว่า 2700 คัน
วันนี้(20ต.ค.54) หลังจากประชาชนแตกตื่นนำรถไปจอดบนสะพานต่างระดับและบนทางด่วนเพื่อหนีน้ำท่วม จำนวนมาก หลังเกิดปัญหาน้ำทะลักเข้าคลองประปา จนทำให้เกิดปัญหารถติดขัดในหลายพื้นที่ นายมณเฑียร กุลธำรง รองผู้ว่าการฝ่ายปฏิบัติการ รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือ กทพ. กล่าวว่า กทพ. ได้จัดจุดบริการตจอดรถบริเวณใต้ทางด่วน 7 จุด เพื่อให้ประชาชนได้จอดรถฟรี ซึ่งสามารถรองรับรถได้กว่า 2700 คัน

ได้แก่
ใต้ทางด่วนด่านฯ งามวงศ์วาน 200 คัน ใต้ทางด่วนด่านฯ รัชดาภิเษก 100 คัน ลานกีฬาใต้ทางด่วน หลังโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 200 คัน ใต้ทางด่วนด่านฯ อโศก 1 จำนวน100 คัน ใต้ทางต่างระดับวัชรพล ถนนรามอินทรา (ฝั่งเหนือ) 200 คัน ใต้ทางด่วนรามอินทรา ตั้งแต่จุดกลับรถ จำนวน 1,000 คัน ใต้ทางด่วนด่านฯ พระราม 9- 1 จำนวน 500 คัน ใต้ทางด่วนสาธุประดิษฐ์ 100 คัน และ ใต้สะพานพระราม 9 ฝั่งธนบุรี จำนวน 300คัน

สำหรับจุดที่มีปัญหามากในขณะนี้ โดยเฉพาะในจุดทางต่างระดับงามวงศ์วาน และประชาชื่น เนื่องจากมีการจอดซ้อนคันเป็น 2 แถว ทำให้ช่องจราจรหายไป
ข้อมูลจาก TNN
ภาพจาก อินเตอร์เน็ต




 
 

วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เกาะติดข่าวน้ำท่วม

ผู้ว่าฯ ลั่น!คนกทม.ฟังคำเตือนจากผมคนเดียว
14 ต.ค. - ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก ยืนยันสถานการณ์น้ำกรุงเทพมหานครยังไม่ถึงขึ้นวิกฤติ สามารถควบคุมได้ แต่หากมีอะไรผิดพลาดพร้อมรับผิดชอบ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยอมรับว่าสถานการณ์น้ำพื้นที่กรุงเทพมหานครมีปริมาณมากในฝั่งตะวันออก ประกอบด้วยคลองสามวา มีนบุรี ลาดกระบัง และหนองจอก ซึ่งอยู่นอกแนวกั้นน้ำ แต่ยังไม่ถึงขั้นวิกฤติ ทุกพื้นที่ยังสามารถควบคุมได้ ส่วนจุดที่ต้องเฝ้าระวังคือ แนวกั้นน้ำหลักจาก จ.ปทุมธานี และมีการสร้างแนวกั้นน้ำเพิ่มเติมอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ป้องกันไม่ให้น้ำเข้าสู่กรุงเทพมหานคร
ขณะที่ด้านเหนือ คือ เขตดอนเมือง หากแนวกั้นน้ำรับน้ำไม่ได้ มีน้ำทะลักเข้าพื้นที่ ยังมีแนวคันดินกั้นน้ำอีก 1 ชั้น ส่วนพื้นที่ฝั่งตะวันตกยังต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากเป็นพื้นที่รองรับน้ำจาก จ.ปทุมธานี และนนทบุรี
กรณีศูนย์ปฏิบัติการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยขอให้ชาวบ้านเขตสายไหมและ ดอนเมืองอพยพและสิ่งของขึ้นไปอยู่ที่สูง ยืนยันว่ายังไม่จำเป็น จึงขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก รอฟังคำประกาศของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเพียงคนเดียว หากมีการ
อพยพ ตนจะประกาศให้ทราบเป็นคนแรก และยินดีทำงานร่วมกับทุกฝ่าย ไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด โดยหากเกิดความผิดพลาด พร้อมรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว
ข้อมูลจาก  สำนักข่าวไทย



ศปภ.กลับลำ!ประตูน้ำบ้านพร้าวซ่อมอยู่ อพยพแค่แนะนำ
ล่าสุด  ศปภ. ได้จัดแถลงข่าวอีกครั้ง นำโดย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการ ศปภ. กล่าวว่า ประตูคลองบ้านพร้าวยังซ่อมอยู่ ระดับน้ำยังไม่สูง ที่บอกให้อพยพเป็นคำแถลงของนายปลอดประสพ ยังมั่นใจรับมือน้ำท่วมได้ วอนอย่าตื่นตระหนก ย้ำยังไม่มีคำสั่งให้อพยพของศปภ.เป็นเพียงคำแนะนำ ขณะที่ นาย ปลอดประสพ รมว.วิทยาศาสตร์ กล่าวว่า กรุงเทพมหานครปลอดภัย 100 %
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
ข้อมูล จาก  ศปภ.



ประตูคลองบ้านพร้าวแตก อพยพด่วน!ดอนเมือง ตอนบน
ศปภ.แจ้งด่วน!! ประตูคลองบ้านพร้าวแตก ไม่สามารถซ่อมได้ ให้ประชาชนอพยพด่วน!
ในพื้นที่
คลองหลวง เชียงรากน้อย ธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต รังสิตตอนบน ลำลูกกา สายไหม ดอนเมืองตอนบน หมู่บ้านรัตนโกสินทร์ หมู่บ้านไวท์เฮาส์ โดยเฉพาะที่อยู่เหนือรังสิต-ปทุม แนะให้นำรถไปไว้ในพื้นที่ปลอดภัย และขนย้ายของขึ้นชั้น 2 โดยด่วน คาดน้ำจะสูงประมาณ 1 เมตร
ภาพจากอินเตอร์เน็ต
ข้อมูลจาก ศปภ.


คลองรังสิต น้ำยังขึ้นต่อเนื่อง!
ระดับน้ำในคลองรังสิตประยูรศักดิ์ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะศูนย์ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ แจ้งเตือนระดับความปลอดภัยของน้ำกับประชาชน
สถานการณ์น้ำล่าสุดในขณะนี้ที่บริเวณหมู่ที่ 4 และ 5 ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี ปริมาณน้ำในคลองรังสิตประยูรศักดิ์ได้เพิ่มปริมาณขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาโดยขณะนี้ระดับน้ำมีความสูงประมาณ 45 เซนติเมตร จากระดับน้ำภายในคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ซึ่งบางจุดนั้นก็ได้ไหลปริ่มแนวกระสอบทรายเข้ามาภายในหมู่บ้าน โดยทางกองบัญชาการป้องกันทางอากาศยานกองทัพบก เจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำและประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวได้นำทรายบรรจุกระสอบเพื่อมาวางเพิ่มเป็นแนวกั้นให้มีความสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและได้มีการนำเครื่องสูบน้ำมาติดตั้งภายในหมู่บ้านเพื่อระบายน้ำที่ท่วมขังอยู่ภายในหมู่บ้านออกโดยศูนย์ช่วยเหลือประชาชนที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงสะพานเข้า - ออกหมู่ที่ 4 และ 5 ได้มีการแจ้งเตือนระดับความปลอดภัยของน้ำอยู่ตลอดเวลา ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำอยู่ในขั้นอันตรายให้ประชาชนออกจากบ้านเรือนที่พักอาศัย อย่างไรก็ตามในขณะนี้ พื้นที่ดังกล่าวนั้น ยังสามารถรับมือกับปริมาณน้ำในคลองรังสิตประยูรศักดิ์ได้ ถึงแม้จะเพิ่มปริมาณสูงขึ้นตลอดเวลา
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
ข้อมูลบางส่วนจาก INN


 อ.สามโคก ปทุมธานี ต้องจับตา น้ำท่วม2จุด

น้ำท่วมที่ อ.สามโคก ปทุมธานี การแก้จุดวิกฤตยังไม่เป็นผล
วันนี้(13ต.ค.) เวลา 14.00น. สถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดปทุมธานี ต้องจับตาวิกฤตสำคัญ 2 จุด จุดแรกบริเวณประตูระบายน้ำคลองพร้าว ฝั่งเชียงราก จุดที่ 2 คือถนนปทุมธานี เสนา ช่วงที่ผ่านอำเภอสามโคก ระดับน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมเขตเมืองตลอดเวลา ขณะที่ชาวบ้านยังไม่ยินยอมให้ทางเจ้าหน้าที่สร้างคันกั้นน้ำขึ้นใหม่
ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต
ข้อมูลจาก สำนัก ข่าวไทย



เขตลาดกระบัง ตั้งศูนย์ป้องกันน้ำท่วม
นายประวิช ศรีวิลัย ผู้อำนวยการเขตลาดกระบัง แจ้งว่า สำนักงานเขตลาดกระบังได้จัดตั้งศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม เขตลาดกระบัง เพื่อเป็นศูนย์ประสานงาน และศูนย์ข้อมูลข่าวสารในการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ ณ ห้องประชุมชั้น 3 สำนักงานเขตลาดกระบัง สามารถติดต่อสอบถามและประสานงานได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 327 0952, 02 326 9149 (ในเวลาราชการ) และ 02 326 7708 , 02 326 7709 (ตลอด 24 ชั่วโมง) 

อีกทั้งยังเตรียมความพร้อมของศูนย์อพยพทั้ง 21 แห่ง ในพื้นที่ โดยใช้สถานที่โรงเรียน กทม.ในสังกัด จำนวน 20 แห่ง และโดยความร่วมมือจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังอีก 1 แห่ง เพื่อสามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน
นอกจากนี้ ได้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมเป็นกรณีฉุกเฉินโดยจัดรถ บริการรับ-ส่งฟรี ในเส้นทางที่มีน้ำท่วมขังสูง รถเล็กไม่สามารถวิ่งผ่านได้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนรถยีเอ็มซี (รถทหาร) จำนวน 3 คัน

จาก ปตอ.พัน 4 วิ่งรับ-ส่งประชาชนใน 3 เส้นทาง ได้แก่ 1. ตลาดหัวตะเข้-สถานีตำรวจภูธรเปร็ง (ถนนหลวงแพ่ง)  2. ตลาดหัวตะเข้ วัดขุมทอง (ถนนหลวงแพ่ง-ถนนขุมทองลำต้อยติ่ง) และ 3. สถาบันเทคโนฯ ลาดกระบัง-ถนนคุ้มเกล้าใต้ รวมถึงได้รับการสนับสนุนจาก ขสมก. อีก 4 คัน วิ่งรับส่งประชาชนจากตลาดหัวตะเข้-หมู่บ้านบาหลีบีช (ถนนหลวงแพ่ง).
ภาพ จากอินเตอร์เน็ต
ข้อมูลจาก สำนักข่าวไทย



ท่าน้ำนนท์ น่าห่วง ฝนถล่มซ้ำ น้ำสูง เข้าขั้นวิกฤติ
ท่าน้ำนนท์ เข้าขั้นวิกฤติ น้ำเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว กระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก หลังฝนถล่มซ้ำอีก ทางด้านเจ้าหน้าที่ก่อกระสอบทรายสูงกว่า 2 เมตร ป้องกันน้ำทะลักแล้ว
           สถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดเมื่อคืน วันที่ 12 ตุลาคม ที่บริเวณท่าน้ำนนท์ เทศบาลนครนนทบุรี  จ.นนทบุรี ขณะนี้ระดับเพิ่มสูงขั้นอย่างรวดเร็ว โป๊ะท่าน้ำลอยขึ้นจนเกือบสุดเสายึดแล้ว ทางเจ้าหน้าที่เทศบาลได้นำกระสอบทรายก่อเป็นกำแพงกั้นน้ำสูงประมาณ 2 เมตร เพื่อไม่ให้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลทะลักเข้ามา
         ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 1 ตัว คอยสูบน้ำออกตลอดเวลา พร้อมทั้งมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น หน่วยดับเพลิงเทศบาลนครนนทบุรี และเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกัน และบรรเทาสาสาธารณภัย คอยเฝ้าระวังตลอด 24 ชม.
        อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 11.50 น.ของวันที่ 12 ตุลาคม  ได้เกิดฝนตกหนักถล่มซ้ำอีกครั้ง ทำให้กระแสน้ำน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเชี่ยวกราก เรือโดยสารที่ต้องข้ามฟากไปยังฝั่งบางบัวทองต้องใช้ความระมัดระวังในการควบคุมเรือเป็นอย่างมาก ส่วนเรือด่วนเจ้าพระยานั้นยังเปิดบริการตามปกติ แต่ต้องบังคับเรือให้ช้าลงกว่าเดิม เพื่อลดความแรงของน้ำที่จะพัดเข้าบ้านเรือนประชาชน
ภาพประกอบจาก วอยส์ นิวส์


ผู้ว่าฯ กทม.รับไม่มีพื้นที่ไหน ปลอดภัยจากน้ำท่วม!
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยอมรับตอนนี้ไม่มีพื้นที่ไหนปลอดภัยจากน้ำร้อยเปอร์เซ็นต์
กรุงเทพฯ 12 ต.ค. ผู้ว่าฯ กทม.สั่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังน้ำที่อาจเข้าสู่พื้นที่ กทม.ทุกจุด พร้อมยอมรับทุกพื้นที่ของกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมขังได้ทั้งหมด และสั่งงดการเดินเรือโดยสารในคลองแสนแสบ 2 วัน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบจากสถานการณ์น้ำในพื้นที่เขตทวีวัฒนา ซึ่งพบว่าน้ำได้เข้าสู่พื้นที่อาศัยของประชาชนบางส่วนแล้ว ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า คลองทวีวัฒนายังสามารถรับสถานการณ์น้ำได้อีก 50 เซนติเมตรโดยจะเร่งระบายน้ำออกผ่านคลองมหาสวัสดิ์

ขณะที่ในการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ มีมติให้เพิ่มการระบายน้ำในคลองทวีวัฒนา เพื่อรับน้ำจากจังหวัดนนทบุรี และจังหวัดปทุมธานีเพิ่มเติม นอกจากนี้ กทม.ร่วมกับกองทับเรือและกองทัพบก ทำการเสริมกระสอบทรายเพิ่มตั้งแต่ แนวคันกั้นน้ำคลองทวีวัฒนา และคลองมหาสวัสดิ์ จากเดิมที่ความสูง 2.75 เมตร เพิ่มอีก 50 เซนติเมตรด้วย
พร้อมกันนี้แจ้งว่า เนื่องจาก กทม.จะเร่งระบายน้ำในคลองแสนแสบ และคลองประเวศผ่านอุโมงค์ระบายน้ำพระโขนงเพื่อจะได้ระบายออกสู่แม่น้ำเจ้า พระยา และออกสู่ทะเลต่อไป เพื่อเป็นการรองรับน้ำฝนที่จะตกในช่วงวันที่ 16-18 ต.ค. เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมขังพื้นที่ชั้นใน และช่วยระบายน้ำในพื้นที่ฝั่งตะวันออก จึงขอความร่วมมือให้งดการเดินเรือโดยสารและเรือทุกชนิด ในคลองแสนแสบ ตั้งแต่วันนี้ถึงวันพรุ่งนี้ โดยยืนยันว่าการระบายน้ำในคลองแสนแสบจะไม่ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านในสองฝั่งริม ทางเดินเรือตามที่มีข่าวลือแน่นอน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยอมรับว่าทุกพื้นที่ของ กทม.มีความเสี่ยงต่อภาวะน้ำท่วมขังได้ทุกจุด "ณ ตอนนี้ไม่มีพื้นที่ใดในกรุงเทพฯ ที่ปลอดภัยเต็มร้อย อยากตั้งเป็นสมมติฐานเพื่อให้ประชาชนมีการตื่นตัว ไม่ใช่ตื่นตระหนก และไม่ได้หมายความว่าทุกพื้นที่จะถูกน้ำจากด้านเหนือท่วม แต่อาจเจอปัญหาน้ำที่เกิดจากฝนตกลงมาในพื้นที่ในช่วงนี้"
ดังนั้น เพื่อความไม่ประมาทเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย จะต้องติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

ข้อมูลจาก-สำนักข่าวไทย
ภาพจากอินเตอร์เน็ต


ศปภ.หวั่นน้ำจากปทุมฯ เมืองนนทบุรี ทะลักกรุงเทพฯ

ศปภ.ยอมรับสถานการณ์น้ำปทุมธานี และ นนทบุรี ควบคุมไม่ได้ ไม่การันตี กทม.น้ำท่วมหรือไม่ แต่ยืนยันไม่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ. กล่าวยืนยันว่า สถานการณ์อุทกภัยขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องประกาศภาวะฉุกเฉินและไม่ถึงขั้นต้องแจ้งเตือน โดยในวันที่ 28-30 ต.ค. นี้ แต่ต้องเฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนเพราะสถานการณ์อาจจะหนักกว่าในช่วงนี้
โดยในส่วนของกรุงเทพมหานคร ยอมรับว่า ปัญหาแนวคันกั้นน้ำพังหลายจุดในจ.ปทุมธานี ทำให้สถานการณ์น้ำรุนแรงมากขึ้น ขณะนี้ไม่สามารถให้คำยืนยันได้ว่า กทม.ชั้นในจะปลอดภัยจากภาวะน้ำท่วมหรือไม่ แต่จะพยายามป้องกันเต็มที่ เต็มความสามารถ ซึ่งปัจจัยน้ำจะเข้ามาถึงหรือไม่อยู่ที่ 3 ปัจจัย คือ น้ำฝนจากพายุ น้ำเหนือ และ น้ำทะเลหนุน  ซึ่งแนวป้องกันที่ดีที่สุด คือ การผันน้ำทะเล ขณะนี้มีเรือของภาครัฐและเอกชน 1,000 ลำ กำลังเร่งดำเนินการพร้อมกับการผันน้ำจากแม่น้ำป่าสักลงทะเลด้านตะวันออก และสมุทรปราการ
ขณะเดียวกันคันกั้นน้ำริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาถือว่าสูงมั่นคงรองรับได้และมีแนวป้องกันของกรุงเทพมหานคร และ ศปภ. 3 จุด ที่จะเสร็จวันพรุ่งนี้ คือที่ หลัก 6 เมืองเอก ศาลายา ตลิ่งชัน และ รังสิต คลอง 1-8 โดยด้านตะวันตกนั้นผันน้ำลงแม่น้ำท่าจีน ด้านตะวันออกลงคลองระพีพัฒน์ นอกจากนี้ยังจะประสานไปยังสนามบินสุวรรณภูมิเรื่องที่จอดรถ
ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต
ข้อมูลจาก ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ.


ประตูน้ำพัง!เมืองปทุมฯ จมน้ำทันที
เมื่อ ช่วง 4ทุ่ม ของคืนวันจันทร์ที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุประตูน้ำวัดป่าฝ้าย เขตตำบลกระแชง อ.สามโคก จ.ปทุมธานี บานเหล็กประตูน้ำได้พังทลายลงทั้งสองบาน เป็นเหตุทำให้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ไหลกระหน่ำเข้าพื้นที่ชั้นในทันที และที่วัดหงษ์ปทุมาวาส แนวกั้นน้ำข้าง ร.ร.วัดหงส์ฯ ทำให้น้ำไหลทะลักเข้าโรงเรียน ท่วมถึงชั้นสอง และรถที่จอดภายในวัด จมน้ำไปหลายคัน
ซึ่งได้มีชาวบ้าน เข้าช่วยป้องกันน้ำ นำกระสอบทรายมาปิดกั้นรั้วโรงเรียนเพื่อไม่ให้น้ำไหลเข้าตัวตลาด และในพื้นที่อำเภอสามโคก ทาง อบต. ได้ออกประกาศให้ย้ายผู้คนออกจากบ้านได้แล้ว เพราะกระแสน้ำได้ไหลแรงมาก เกรงว่าประชาชนจะไม่ปลอดภัย
นอกจากนี้ แนวกั้นน้ำวัดปทุมทอง อ.สามโคก เขตฝั่งตะวันออก ได้พังทลายลง ทำให้น้ำทะลักเข้าพื้นชั้นใน หาก เจ้าหน้าที่ปิดกั้นไม่อยู่ เขต อ.คลองหลวง และ อ.ธัญบุรี จะได้รับผลกระทบทันที ซึ่งทางผู้ว่าฯ ได้สั่งการให้จัดหาอุปกรณ์เร่งด่วน รีบทำการปิดกั้นน้ำให้ได้ก่อน
ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต


ล่าสุด!เตือน9เขต กทม.เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน
ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ หรือ ศภช. ประกาศเตือนพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมฉับพลัน 13 จุด ในพื้นที่ 9 เขต ใน กรุงเทพฯ
1.แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม
2.แขวงทุ่งสองห้อง เขตดอนเมือง
3.แขวงคลองถนน และแขวงสายไหม เขตสายไหม
4.แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน
5.แขวงจรเข้บัว และแขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว
6.แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม
7.แขวงคลองจั่น และแขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ
8.แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง
9.แขวงคลองสองต้นนุ่น และแขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง
ข้อมูลจาก ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ
ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต


ช็อค!คันกั้นน้ำ นครสวรรค์ แตก
มีรายงานข่าวด่วน ช่วงเช้าของวันจันทร์ ที่ 10 ต.ค. ได้เกิดมีคันดิน กั้นน้ำเทศบาลนครสวรรค์ บริเวณตลาดบ่อนไก่ พังทลาย ประมาณ 100 ม.ทำให้น้ำทะลักเข้าเทศบาลนครสวรรค์สูง 50-100 ซ.ม. แล้ว
นายกเทศบาลนครสวรรค์ สั่งอพยพประชาชนด่วน โดยน้ำเข้าทางโรงน้ำแข็ง ถ.โกสีย์ ไหลทะลักเข้าเกือบจะถึงโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ และวัดโพธาราม ประชาชนแย่งกันออกจากพื้นที่เสี่ยงทำให้การจราจรโดยรอบติดขัดมาก
ทั้งนี้ เทศบาลนครนครสวรรค์ได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ ทหาร และประชาชน ต่างช่วยกันเร่งขนกระสอบทราย หินคลุก อุดรอยรั่วของเขื่อนเป็นการด่วน
ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต- ไม่เกี่ยวกับข่าว


คาดนิคมฯโรจนะ เสียหาย จากน้ำท่วมหนัก!
นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ แจงน้ำท่วมไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ในขณะนี้
ภายหลังที่เกิดน้ำท่วมใน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำให้โรงงานหลายแห่งได้ประกาศปิดชั่วคราว โดยมีบริษัทจดทะเบียนต่าง ๆ ได้รายงานมายังตลาดหลักทรัพย์ เริ่มจากนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ (ROJNA)

 โดย นายจิระพงษ์ วินิชบุตร กรรมการผู้จัดการ ได้ออกมาชี้แจงว่า
ขณะนี้ บริษัทยังไม่สามารถประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ ยอมรับว่า ปัจจุบันกิจการทั้งหมดในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ได้หยุดดำเนินการส่งผลกระทบต่อรายได้ ด้านบริการสาธารณูปโภค ซึ่งหลังจากสถานการณ์คลี่คลายจะสามารถสรุปความเสียหายได้
บริษัท ซิงเกิ้ลพอยท์พาร์ท (ประเทศไทย) (SPPT) แจ้งว่า โรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ได้หยุดการผลิต ขณะที่นิคมอุตสาหกรรมอินทราจ.สิงห์บุรี ที่มีสัดส่วนรายได้ 50 % ยังคงดำเนินการผลิตอยู่
ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต



เกาะติดข่าวน้ำท่วม

น้ำทะลัก!เข้าท่วม ตลาดบางบัวทอง
พนังกั้นน้ำวัดละหารพัง น้ำทะลักเข้าท่วมตลาดบางบัวทองสูงเกือบ 1 เมตร ชาวบ้านต่างหนีเอาตัวรอด
นนทบุรี 18 ต.ค. - ศูนย์เฝ้าระวังน้ำท่วม สภ.บางบัวทอง แจ้งว่าเมื่อเวลา 00.30 น. พนังกั้นน้ำที่ด้านหลังวัดละหาร ติดกับคลองพระพิมลราชา ต.โสนลอย อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ต้านแรงดันน้ำไม่ไหว พังทลายลงมา ทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมวัดละหาร โรงเรียนเทศบาลวัดละหาร และบ้านเรือนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกชุมชนวัดละหาร ชาวบ้านต่างหนีเอาตัวรอด โดยไม่สามารถเอาทรัพย์สินออกมาได้ รถยนต์ของชาวบ้านที่จอดอยู่ภายในลานจอดรถโรงเรียนถูกน้ำท่วมเกือบ 30 คัน
ขณะที่กระแสน้ำได้ไหลเอ่อเข้าท่วมตลาดสดบางบัวทองและพื้นที่เศรษฐกิจ อ.บางบัวทอง ซึ่งทางเทศบาลเมืองบางบัวทองได้นำเครื่องมือหนัก ดิน และกระสอบทราย มาวางปิดช่องน้ำที่ทะลัก แต่ไม่สามารถปิดได้ เนื่องจากกระแสน้ำไหลแรงมาก และน้ำยังได้ขยายวงกว้าง เพียงไม่นานน้ำก็เจิ่งนองสูงเกือบ 1 เมตร ชาวบ้านที่อยู่ในตลาดต่างออกมาช่วยกันกรอกกระสอบทรายเพื่อช่วยกันปิดช่องน้ำไม่ให้ไหลเข้าท่วม
ด้านการไฟฟ้านครหลวง สาขาบางใหญ่ ตัดกระแสไฟฟ้าแล้ว เนื่องจากเกรงว่าประชาชนจะได้รับอันตรายจากกระแสไฟฟ้า
ข้อมูลจาก สำนักข่าวไทย
ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต -แฟ้มข่าว



ผู้ว่าฯ สั่งระดม แนวคันกั้นน้ำ ริมคลองหกวา
18 ต.ค. - ผู้ว่าฯ กทม.สั่งระดมกำลังเสริมแนวคันกั้นน้ำป้องกันน้ำท่วมพื้นฝั่งทิศเหนือของกรุงเทพฯ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. แถลงภายหลังรับรายงานจากศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ว่าน้ำจากทิศเหนือซึ่งผ่านทะลุคันกั้นน้ำของนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ได้ไหลมาถึงพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 01.30 น.ที่ผ่านมา ซึ่งกรุงเทพฯ จะเสริมแนวคันกระสอบทรายริมคลองหกวาที่มีความยาว 6 กิโลเมตร ขึ้นไปอีก 50 เซนติเมตร จากเดิมที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลอยู่ 2.5 เมตร และเสริมแนวคันกั้นน้ำริมถนนประชาสำราญ ในระดับความสูงเดียวกันอีก 15 กิโลเมตร ซึ่งจะต้องใช้กระสอบทรายถึง 1.2 ล้านกระสอบ เชื่อว่าทางรัฐบาลจะช่วยจัดหากระสอบทราบมาช่วย 1 ล้านใบ ตามที่ตกลงกันไว้ รวมทั้งจะประสานงานกับกรมทางหลวงชนบทช่วยดูแลช่องทางน้ำบริเวณถนนพหลโยธิน ช่วงข้ามมาสู่คลองรังสิต ที่น้ำอาจย้อนเข้ามาทางกรุงเทพฯ ได้ ซึ่งตนจะเดินทางไปตรวจพื้นที่ดังกล่าววันนี้ เวลา 07.00 น.อย่างไรก็ตาม ขอให้ชาวกรุงเทพฯ อย่าได้ตื่นตระหนก คอยติดตามข่าวสารจาก กทม.เป็นระยะ และออกมาช่วยกันปกป้องพื้นที่กรุงเทพมหานครให้พ้นจากวิกฤติ
ข้อมูลจาก สำนักข่าวไทย
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต


ผู้ว่าฯ ห่วง สายไหม-ดอนเมือง ชี้ยังไม่พ้นวิกฤต

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ชี้ ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ ระบุ ยังไม่ปลอดภัย ห่วงทางด้านเหนือ สายไหม-ดอนเมือง พื้นที่ติดคลองรังสิต หวั่นคันกั้นน้ำแตก เผย เสริมแนวกั้นน้ำคลองหกวายาว 6 กม.เสร็จแล้ว วอนขอบริจาคทรายที่สำนักงานเขตทุกแห่ง    17 ต.ค.2554 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า สถานการณ์เฝ้าระวังน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ ขณะนี้ยังถือว่าไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะพื้นที่ด้านเหนือของ กทม.ในเขตสายไหม และดอนเมือง ยังถือน่าห่วงมากที่สุด เนื่องจากในพื้นที่ติดกันที่ข้ามคลองรังสิตไปยังมีสถานการณ์น้ำเหนือไหลบ่าลงมา ประกอบกับมีข่าวว่า คันกันน้ำหลายแห่งแตก ซึ่งหากเป็นจริงอาจส่งผลกระทบไปถึงเขตคลองสามวาด้วย ส่วนแนวคันกั้นน้ำริมคลองหกวาได้เสริมกระสอบทรายระยะทาง 6 กม.เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่เพื่อความไม่ประมาทได้สั่งการให้เพิ่มความสูงเป็น 50 ซม.เป็นระยะทางอีก 1 กม.
      
       นอกจากนี้ ได้สั่งการให้สำนักการโยธา ยกระดับถนนเลียบคลอง 2 สูงขึ้นอีก 30 ซม.ระยะทาง 1.25 กิโลเมตร เพื่อเป็นแนวคันกั้นน้ำ รวมถึงยกระดับพื้นซอยสายไหม 85 เพิ่มอีก 30 ซม.ระยะทาง 1 กิโลเมตร ส่วนพื้นที่ฝั่งตะวันออก ได้เพิ่มกระสอบทรายอีก 6 แสนใบ ทั้งนี้ ประชาชนที่ต้องการจะบริจาคทรายสามารถบริจาคได้ที่ศูนย์รับบริจาค กทม.หรือที่สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต
      
       ส่วนสถานการณ์น้ำล่าสุดปริมาณน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาและเขื่อนพระราม 6 มีความเร็วการไหลอยู่ที่ 4,238 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลดลงจากเมื่อวานนี้ (16 ต.ค.) 36 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

       ขณะที่ น้ำทะเลหนุนสูงเมื่อเวลา 09.59 น.อยู่ที่ระดับ 1.08 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาวัดได้ที่ปากคลองตลาดเมื่อเวลา 07.00 น.อยู่ที่ 1.56 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งต่ำกว่าคันกั้นน้ำ 1.24 เมตร และขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากกรุงเทพมหานครอย่างใกล้ชิดและอย่าตื่นตระหนก
      
      
เฝ้าระวังระดับน้ำประตูจุฬาลงกรณ์รังสิตใกล้ชิด
      
       เจ้าหน้าที่และประชาชนในย่านชุมชนรังสิต ตลาดรังสิต และห้างฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ยังคงเฝ้าระวังระดับน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยระดับน้ำด้านหลังประตูน้ำจุฬาลงกรณ์อยู่ที่ 2.80 เมตร ขึ้นจากวานนี้ 10 ซม.ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงต้องอพยพออกมา เพื่อความปลอดภัย ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปีมีบางซอยน้ำท่วมแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ได้ตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อสูบน้ำออกตลอดเวลา รวมถึงจุดกลับรถใต้สะพานคลอง 1 คลอง 2 ที่มีการนำกระสอบทรายเข้าไปเสริม ด้านประตูน้ำเชียงรากน้อย ด้านหลังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ได้เสริมคันกั้นอีก 50 ซม.เพื่อป้องกันน้ำ

ข้อมูลจาก ASTVผู้จัดการออนไลน์


นวนคร เอาไม่อยู่!น้ำท่วมแล้ว
คันกั้นน้ำนิคมฯ นวนคร ด้านเหนือ แตกแล้ว! รง.เหล็กเส้น-คูโบต้า เจอด่านแรก ผู้บริหารฯ เร่งประกาศแจ้ง 190 บริษัท พนักงาน 2 แสนชีวิต สั่งปิดเครื่องจักร เร่งอพยพคนด่วน สถานีโทรทัศน์รายงาน ปชช. หนีตายอลม่าน คาดใช้เวลา 1-2 ชม. แก้ไข หากควบคุมไม่ได้ อาจต้องออกจากพื้นที่ทั้งหมด ระบุ ปริมาณน้ำนอกเขื่อนสูงกว่า 2.5 เมตร
      
       มีรายงานข่าวแจ้งว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่นิคมอุตสาหกรรมนวนครล่าสุด คันกั้นน้ำด้านเหนือนิคมฯ นวนคร ทรุดตัว 5-8 เมตรน้ำเริ่มไหลเข้าบ่อบำบัด มีรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้สั่งอพยพคนออกพ้นพื้นที่เสี่ยงภัยอย่างเร่งด่วนแล้ว
      
       โดยเมื่อเวลา 11.20 สถานการณ์ล่าสุดนิคมอุตสาหกรรมนวนคร แตกแล้ว โดยผู้สื่อข่าวเนชั่นแชนัล ได้รายงานว่า น้ำได้เข้านิคมอุตสาหกรรมนวนครแล้ว โดยโรงงานที่ถูกน้ำท่วมคือโรงงานเหล็กเส้น และโรงงานคูโบต้า
      
       สถานีโทรทัศน์รายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารจำนวนมากและผู้ประกอบการ คนงานในนิคมฯ ระดมกำลังป้องกันพื้นที่ภายในนิคมฯ นวนคร กำลังเร่งเสริมคันดินด้านในเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำจากบ่อบำบัดไหลทะลักเข้าสู่พื้นที่โรงงานอุตสาหกรรมอย่างเต็มที่ โดยได้มีการขุดแนวคูน้ำเพื่อรองรับน้ำที่จะไหลเข้ามาด้วย
      
       นายนิพิฐ อรุณวงษ์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน) หรือ NNCL ยอมรับว่า คันกั้นน้ำทางทิศเหนือของนิคมอุตสาหกรรมนวนคร เกิดรอบแตก 2 จุดใหญ่ โดยจุดแรก พบว่า มีรอยรั่วขนาดใหญ่ 5-8 เมตร ทำให้น้ำไหลเข้ามาในบ่อบำบัดน้ำเสีย แต่ยังไม่เข้ามาถึงพื้นที่ชั้นในซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรรม
      
       ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังเตรียมใช้มาตรการให้เฮลิคอปเตอร์นำวัสดุอุปกรณ์เข้ามาปิดรอยรั่วเป็นการเร่งด่วน คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ซึ่งขณะนี้เร่งจัดการอพยพคนงานในโรงงานที่ใกล้เคียงจุดดังกล่าวออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด
      
       "บริเวณที่น้ำทะลักเข้ามาใเขตนิคมฯ เป็นเขตบ่อบำบัดน้ำเสีย ใกล้โรงงานคูโบต้า ขณะนี้จะพยายามควบคุมสถานการณ์ให้ได้ แต่ถ้าควบคุมไม่ได้จริงๆ คงต้องอพยพประชาชนออกจากพื้นที่"
      
       ตอนนี้ พบว่า พนังกั้นน้ำหลังบ่อบำบัดนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี แตกใน 2 จุด โดยชั้นแรกแตกเป็นระยะทางยาว 6 เมตร และพนังกั้นชั้นที่ 2 แตกยาวประมาณ 30 เมตร ทำให้น้ำที่ท่วมสูงบริเวณด้านนอกทะลักเข้ามาอย่างรวดเร็วนั้น ล่าสุดชาวบ้านและทหารกว่า 500 คน เร่งเพิ่มกระสอบทรายเพื่อหวังอุดรอยรั่ว
      
       สำหรับปฏิบัติการ กู้สวนอุตสาหกรรมนวนคร อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในขณะนี้ ประชาชนในนวนครและทหารหลายสิบนาย ต่างระดมกำลังช่วยกันนำกระสอบทรายไปวางตามแนวคันกั้นน้ำและบางส่วน ยังช่วยกันตอกเสาไม้ยูคาลิปตัส เพื่อป้องกันดินสไลด์
      
       ทั้งนี้ ก็เพื่อป้องกันน้ำที่จะเอ่อล้นมาจากคลองเปรมประชากร และคลองระพีพัฒน์ ที่อ้อมมาทางด้านหลัง ใกล้กันกับ วัดพืชนิมิตร อ.คลองหนึ่ง ซึ่งระดับน้ำนอกแนวคันกั้น สูงกว่า 2.5 เมตร
      
       โดยจากการสอบถามนายทหาร จากกองพันทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ กล่าวว่า มีความมั่นใจไม่ถึง 100% เนื่องจาก ระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นและไหลมาจากหลายทิศทาง จึงทำให้เกิดรอยรั่วหลายจุด ซึ่งขณะนี้ เจ้าหน้าที่ ก็กำลังเสริมคันดินให้แข็งแรงขึ้น และอุดรอยรั่วอย่างสุดความสามารถ อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามปฏิบัติการกู้นิคมอุตสาหกรรมนวนคร อย่างใกล้ชิดต่อไป
      
       ล่าสุด เมื่อเวลา 12.15 น. ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย (ศปภ.) ได้สั่งการนิคมอุตสาหกรรมนวนครปิดเครื่องจักรและอพยพของและคนขึ้นที่สูงแล้ว เนื่องจากปริมาณน้ำได้ไหลบ่าลงมาเข้าท่วมประมาณ 10% ของพื้นที่ทั้งหมด ทั้งนี้ ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ เดิมที่ตั้งใจว่าจะเข้าไปตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม นิคมอุตสาหกรรมนวนครมีโรงงานกว่า 190 บริษัท และมีพนักงานกว่า 2 แสนคน
ข้อมูล จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
น้ำเริ่มไหลเข้าตลาดไทแล้ว


จนท.สภ.คลองหลวง เผยถนนคลองแอน ด้านหลังตลาดไท น้ำท่วมหนักต้องปิดการจราจร ขณะที่น้ำบางส่วนไหลเข้าตลาดแต่ยังไม่มาก
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง เปิดเผยว่า ขณะนี้น้ำทะลักเข้าท่วมถนนริมคลองแอน ซึ่งเป็นเส้นทางเข้าตลาดไท ทางด้านหลังหมดแล้ว โดยได้ปิดการจราจรเนื่องจากรถทุกชนิดไม่สามารถวิ่งได้แล้ว แต่อย่างไรก็ตาาม ทางด้านเจ้าหน้าที่ได้กันกระแสน้ำไม่ให้เอ่อเข้าท่วมตลาดไท
ขณะที่ พ.ต.อ.เพิ่มเกียรติ สุริยวงศ์ ผกก.สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เปิดเผยว่า ถนนคลองแอน ที่อยู่ด้านหลังของตลาดไท ยังคงใช้การไม่ได้ เพราะน้ำท่วมสูง ไม่สามารถผ่านได้ ส่วนในพื้นที่ตลาดมีบางส่วนถูกท่วม แต่ไม่มากและเร่งสูบน้ำออกแล้ว โดยประชาชนสามารถสัญจรผ่านได้ทางด้านหน้าถนนพหลโยธิน ซึ่งยังไม่มีน้ำเอ่อท่วม ส่วนที่นิคมอุตสาหกรรมนวนครนั้น ทราบว่าทางทหารตรึงกำลังเต็มที่ เพื่อดูแลรักษาคันกั้นน้ำ โดยล่าสุดยังปลอดภัย
ข้อมูลจาก INN
ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต

ประตูน้ำคลองหนึ่ง ปิดไม่ได้!ผู้ว่าฯ กทม.เป็นกังวล
16 ต.ค. - ผู้ว่าฯ กทม.เผยสถานการณ์น้ำวันนี้ ห่วงพื้นที่เขตด้านเหนือของกรุงเทพฯ เพราะกรมชลประทานไม่สามารถปิดประตูระบายน้ำคลองหนึ่งได้ เนื่องจากกลุ่มชาวบ้านไม่ยินยอม ส่งผลให้ระดับน้ำในพื้นที่เขตสายไหมค่อยๆ สูงขึ้นวันละ 2 ซม. เร่งประสานให้หลีกเลี่ยง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงข่าวภาพรวมสถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ เช้านี้ ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงสุดวัดที่ปากคลองตลาดเมื่อเวลา 09.15 น. อยู่ที่ 2.06 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง (รทก.) ส่วนฐานน้ำทะเลวันนี้ ถือว่าสูงสุดในรอบปี ที่ระดับ 1.11 เมตร ส่วนปริมาณน้ำที่วัดได้ที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ที่ 3,821 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที และเมื่อคืนที่มีฝนตกลงมาในพื้นที่ กทม. วัดสูงสุดได้ในพื้นที่เขตธนบุรี 154 มิลลิเมตร (มม.) ส่งผลให้มีน้ำท่วมขังตามผิวจราจรหลายจุด แต่ขณะนี้ได้ระบายน้ำจนเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ยอมรับว่าระดับน้ำยังคงสูง แต่ยืนยันว่ายังคงรับมือได้
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้เป็นห่วงพื้นที่ฝั่งกรุงเทพฯ ด้านเหนือ เนื่องจากกรมชลประทานยังคงเปิดประตูระบายน้ำที่คลองหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลให้น้ำไหลผ่านเข้ามาตามแนวคลองหกวา ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขตสายไหม ส่งผลให้ระดับน้ำค่อย ๆ เพิ่มขึ้นวันละ 2 เซนติเมตร หลังจากเข้าพื้นที่สายไหมแล้วจะเข้าพื้นที่ฝั่งตะวันออกเพิ่มเติม ขณะนี้ กทม.พยายามประสานกรมชลประทานให้หลีกเลี่ยงการเปิดประตูระบายน้ำที่คลองหนึ่ง ไม่เช่นนั้นจะส่งผลให้พื้นที่ฝั่งรังสิต ปทุมธานี ได้รับผลกระทบค่อนข้างหนัก และจะค่อย ๆ เข้ามาในพื้นที่ด้านเหนือของ กทม.
"เราพยายามติดต่อไปทุกวันแล้ว แต่กรมชลฯ ก็ยังไม่ดำเนินการปิดตามที่ กทม.ขอ ซึ่ง กทม.ก็ทำอะไรได้ไม่มาก เพราะอยู่นอกพื้นที่ควบคุม ถ้ายังไม่ยอมปิด เราก็จะขอไปเรื่อย ๆ พร้อมทั้งจะดำเนินการสร้างแนวคันกั้นน้ำเพื่อป้องกันพื้นที่เขตสายไหม ยืนยันยังไม่ถึงขั้นวิกฤติ ยังคงรับมือได้" ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าว และว่า กทม.ได้ขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานทหารเพื่อทำแนวป้องกันน้ำในพื้นที่สายไหม โดยเฉพาะบริเวณที่ติดกับแนวคลองหกวา เบื้องต้นจะทำเป็นแนวกระสอบทรายความสูงอย่างน้อย 1 เมตร อย่างไรก็ตาม ต้องประเมินสถานการณ์ทุกวัน หากปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้นก็จะเพิ่มความสูงของแนวกระสอบทรายเพิ่มเติม
ข้อมูลจาก - สำนักข่าวไทย
มีนบุรีท่วมหนัก!เป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉินเฉพาะหน้าแล้ว


ผอ.เขตมีนบุรี สรุปตัวเลขผู้ประสบอุทกภัย 35 ชุมชน 4,000 กว่าครัวเรือน ขณะที่ ปภ.ประกาศให้เป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉินเฉพาะหน้าแล้ว
วันที่15 ต.ค. นายอรุณ พ่วงสมบัติ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตมีนบุรี สรุปถึงผลกระทบสถานการณ์น้ำท่วมในเขตมีนบุรี ว่า ขณะนี้มีชุมชนที่ได้รับผลกระทบ 35 ชุมชน รวมจำนวนทั้งสิ้น 4,636 ครอบครัว รวมถึงพื้นที่เกษตรกรรม ได้รับความเสียหายแล้ว จำนวน 1,390 ไร่ จากเกษตรกร 194 ราย ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ การเดินทางได้รับความเดือดร้อน
ทางสำนักงานเขตมีนบุรี ก็ได้มีการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยการแจกถุงยังชีพ ยาเวชภัณฑ์ ทราย กระสอบทราย ทำสะพานไม้ชั่วคราว เพื่อช่วยในการบรรเทาทุกข์ของประชาชน นอกจากนี้ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประกาศให้เขตมีนบุรีเป็นพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเฉพาะหน้าอีกด้วย
ข้อมูลจาก INN
ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต



นิคมบางปะอิน น้ำทะลัก สั่งอพยพคนด่วน!
นิคมอุตสาหกรรมบางประอินไม่รอด น้ำทะลักเข้าแล้ว จนท.ยังพยายามกั้นสุดแรง สั่งเร่งอพยพแล้วออกจากพื้นที่เป็นการด่วน คาดมูลค่าความเสียหายมหาศาลหลังมีโรงงานไฮเทคระดับโลก
      
    15 ต.ค. ผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า ขณะนี้ น้ำได้ทะลัก เข้าท่วมในนิคมอุสาหกรรมอย่างรุนแรงแล้ว หลังจากที่ได้มีความพยายามต่อสู้กับปัญหานี้มาตั้งแต่เช้ามืดเมื่อวานนี้
และทางการได้สั่งมีการอยพยพคนออกจากนิคมเป็นการด่วนแล้ว
คาดว่า ความเสียหายจะมีมูลค่ามหาศาล เพราะนิคมแห่งนี้เป็นที่ตั้งของ โรงงานอุตสาหกรรมไฮเทค ระดับโลกหลายแห่ง เช่น Western Digital ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นโรงงานผลิต Hard Disk ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เฉพาะโรงงานนี้แห่งเดียว ก็มีมูลค่าการลงทุนนับหมื่นล้านบาท
       ด้านนาย
นที บ่อสุวรรณ นายอำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยืนยันว่า หลังจากที่น้ำได้ทะลักเข้าอย่างแรงในจุดที่ 2 ได้มีการสั่งอพยพให้ทุกคนออกจาก นิคมโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่มีหน้าที่ป้องกัน แก้ไข ก็ยังมีหน้าที่ที่จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ภาพจากอินเตอร์เน็ต
ข่าวจาก ASTVผู้จัดการออนไลน์


 
น้ำท่วมนิคมฯ ไฮเทค เต็มพื้นที่แล้ว!


น้ำทะลักท่วมนิคมฯ ไฮเทค-อยุธยา เต็มพื้นที่แล้ว เจ้าหน้าที่ตัดสินใจถอนกำลัง หลังยับยั้งน้ำที่ไหลเข้าท่วมไม่ได้ เผยระดับน้ำสูง 1 เมตรแล้ว
          วันนี้ (14 ตุลาคม 2554) ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) แจ้งสถานการณ์อุทกภัยที่นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ต.บ้านเลน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยาว่า น้ำได้ไหลเข้าท่วมนิคมฯ ไฮเทค เต็มพื้นที่แล้ว แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะพยายามใช้รถสูบน้ำของสำนักงานสาธารณภัย 6 เครื่อง สูบน้ำออกตลอดทั้งคืนที่ผ่านนั้น แต่ก็ไม่สามารถยับยั้งน้ำที่ไหลเข้าท่วมได้ โดยขณะนี้ระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร และคาดว่าน้ำจะไหลเข้าท่วมเพิ่มอีก เนื่องจากน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูง จึงได้ตัดสินใจถอนกำลัง นำรถสูบน้ำไปไว้ที่ถนนสายเอเชียแล้ว
          ขณะที่ นายนัทธี บ่อสุวรรณ นายอำเภอบางปะอิน เปิดเผยว่า ขณะนี้ ใน อ.บางปะอิน ถือว่ามีพื้นที่ถูกน้ำท่วมเต็มพื้นที่ทุกตำบล และล่าสุดน้ำได้ไหลเข้าท่วม นิคมอุตสาหกรรมไฮเทคแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ชุดสุดท้ายของนิคม ประมาณ 50 ราย ต้องออกจากพื้นที่มา ส่วนคนงานในนิคมฯ นั้น ได้ทยอยอพยพออกไปก่อนหน้านี้แล้ว นอกจากนี้ กระแสน้ำกำลังเข้าท่วมบ้านของ นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่อยู่บริเวณใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค อีกด้วย
          สำหรับมาตรการดูแลและช่วยเหลือนั้น นายนัทธี ระบุว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เตรียมเรือให้มากที่สุด เตรียมพร้อมในทุกจุดเสี่ยง เพื่อเข้าไปช่วยเหลืออพยพประชาชนออกจากบ้าน หรือพื้นที่เสี่ยงได้ทันที พร้อมกันนั้น ได้จัดเตรียม ถุงยังชีพ อาหารแห้ง ให้พร้อม และได้ประสานกับผู้นำท้องถิ่น ได้ตกลงกับชาวบ้าน เพื่อให้ทำสัญลักษณ์เวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น ปักธงหน้าชุมชน เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือทันท่วงที
          ด้าน นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในการอพยพเคลื่อนย้ายประชาชน รวมถึงคนไข้ ตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ว่า ในเวลานี้ ได้มีการศึกษา และประสานเพื่อเตรียมความพร้อมกับโรงพยาบาลต่าง ๆ ในการเตรียมรองรับ เช่น รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ , รพ.ภูมิพล เป็นต้น รวมถึงลำดับขั้นตอน ในการเคลื่อนย้ายแล้ว
          พร้อมกันนี้ ยอมรับด้วยว่า ปัญหาอุปสรรค ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย หรือประชาชนในช่วงที่ผ่านมา เกิดจากการจราจร ซึ่งล่าสุด ได้มีการประสาน พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ในการแก้ปัญหาแล้วเช่นกัน พร้อมเตือนประชาชนอย่าเดินทางไปมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยตนเอง เพราะหวั่นได้รับอันตราย
          นอกจากนี้ นายวิทยา ยังกล่าวด้วยว่า สถานการณ์น้ำของจังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้น ตึงเครียดมากขึ้นทุกวัน และคาดว่า น่าจะป้องกันนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคไว้ไม่ได้ เพราะพนังกั้นน้ำบางจุดอ่อนตัว ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วม และเตรียมพร้อมที่จะอพยพคนงาน และสิ่งของแล้ว
          ขณะที่ เจ้าหน้าที่ของ อ.บางปะอิน เข้าร่วมตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำ ด้านหลังนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค หลังจากมีกระแสข่าวว่า น้ำได้ไหลทะลักเข้าพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งจากการตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่ามีน้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่แต่อย่างใด โดยทางเจ้าหน้าที่ ได้อธิบายว่า แนวคันกั้นน้ำด้านหลังนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคแห่งนี้ มีระยะทางเกือบ 2 กม.

 และมีความสูงร่วม 5 เมตรด้วยกัน และมีการเสริมแนวคันกั้นน้ำอย่างแน่หนา ประกอบกับคลองที่อยู่ติดกับคันกั้นน้ำ ไม่มีแรงดันน้ำ ทำให้คันกั้นน้ำแห่งนี้พังลงได้ แต่จุดที่น่าเป็นห่วงจะอยู่บริเวณด้านข้างของนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ทางด้านทิศใต้ ที่อยู่ทางติดกับคลอง ซึ่งต่อเนื่องกับแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะว่าเมื่อใดน้ำในแม่น้ำเพิ่มขึ้น ก็จะดันเข้าคลองดังกล่าว อาจจะเพราะคันกั้นน้ำที่ไม่ค่อยแข็งแรงมากนัก และอาจทำให้น้ำไหลทะลักเข้าพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคได้
ล่าสุด แม่ทัพภาคที่ 1 ตรวจสอบนิคมไฮเทค พร้อมยกเลิกปฏิบัติการชีนุก ขนตู้คอนเทนเนอร์กั้นน้ำแล้ว เพราะระดับน้ำสูงมาก ใช้โป๊ะลำเลียงหินเข้าไปแทน
ภาพจากอินเตอร์เน็ต
ข้อมูลจาก ศปภ.


น้ำล้นคลองเปรมประชากร หลังนิคมฯ นวนคร เริ่มท่วม!
น้ำเริ่มเอ่อล้นคลองเปรมประชากรแล้ว ชาวบ้านหลังนิคมฯนวนคร เริ่มอพยพ หลังปริมาณน้ำจากอยุธยาไหลสมทบต่อเนื่อง
วันนี้ (14 ต.ค. 54) น้ำจำนวนมากได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ตลอดบริเวณ คลองเปรมประชากร ตั้งแต่เขตต.บางพูน จนถึง เขต อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ด้านหลังนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ทำให้ประชาชนเริ่มเก็บข้าวของหนีน้ำแล้ว หลังพบว่าระดับน้ำในคลองเปรมประชากร เริ่มเอ่อเข้าท่วมถนนบางจุด เพราะการระบายน้ำลงประตูน้ำบางรอจนไหลไปสมทบกับมวลน้ำที่มาจากคลองบ้านพร้าว ซึ่งอยู่ระหว่างการกู้ช่องทางน้ำที่แตกเสียหาย
โดยชุมชนด้านหลังนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ซึ่งติดกับทางรถไฟ เริ่มมีน้ำไหลเข้าท่วม พนักงานและเจ้าหน้าที่ภายในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร กำลังเร่งช่วยกันนำกระสอบทรายมากั้นน้ำ และทำคันดินกั้นน้ำเพิ่มเติมอีกเพราะมีน้ำจากทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยาไหลเข้าพื้นที่เขตจังหวัดปทุมธานีอย่างต่อเนื่อง
ข่าวจาก TNN
ภาพจากอินเตอร์เน็ต


ทรู ส่งทีมงาน ร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยฯ ที่ศูนย์ ศปภ.
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2554  ทาง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นำโดย นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร และ นายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข กรรมการผู้จัดการสายงานคอนเวอร์เจนซ์ และกรรมการผู้จัดการกลุ่มลูกค้าธุรกิจ บมจ. ทรูฯ  พร้อมด้วยทีมงาน และพนักงานจำนวนมาก ตลอดจนเจ้าหน้าที่ จากระบบ IT Call center  มาร่วมให้การช่วยเหลือ เพื่อสนับสนุนการทำงานของ เจ้าหน้าที่ ณ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยแห่งชาติ หรือ ศปภ.
ทั้งนี้ได้มีการปรึกษาหารือ ร่วมกัน กับทางท่านนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อทราบถึงแนวทางปฏิบัติในการช่วยเหลือ เพื่อให้สอดคล้องเป็นรูปธรรม ในโอกาสนี้ด้วย...



บขส.ปรับเส้นทางเดินรถ สายอีสาน หนีน้ำท่วม

นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวว่า ขณะนี้ บขส. ได้ปรับเปลี่ยนเส้นทางการเดินรถไปสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือใหม่ หลังปริมาณน้ำได้เข้าท่วมบริเวณถนนพหลโยธิน ช่วงอำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โดย บขส. ให้รถโดยสารทุกมาตรฐานที่วิ่งสายยาว วิ่งออกรังสิตองครักษ์อ.บ้านนา จ.นครนายกอ.แก่งคอย จ.สระบุรี ไปสู่ภาคอีสาน ยกเว้นรถมาตรฐาน2 ที่ต้องจอดรับระหว่างทาง บขส.จะวิ่งไปรับผู้โดยสารที่รังสิต นวนคร แล้ววิ่งไปออกองครักษ์ แยกจปร. เข้าหินกอง จ.สระบุรี ไปสู่ภาคอีสาน

 ส่วนเส้นทางไปสู่ภาคเหนือ บขส.ยังเปิดให้บริการตามปกติ โดยจะเลี่ยงไปเดินรถในเส้นทางสายบางบัวทองสุพรรณบุรีอ่างทอง และในเส้นทางผ่านจังหวัดนครสวรรค์ จะเลี่ยงไปใช้เส้นทางอ.ตากฟ้า และ อ.ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ แทน

 ขอให้ผู้โดยสารที่จะเดินทางไปยังภาคเหนือด้วยรถโดยสารทุกมาตรฐาน และภาคอีสาน ที่เดินทางในเส้นทางสายยาว มาขึ้นรถโดยสารที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หรือ หมอชิต 2 จุดเดียว ทั้งนี้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ Call Center 1490 เรียก


ท่วมแล้ว ท่าพระจันทร์ ลุ้นระทึก!16-18 ต.ค.นี้
ระดับน้ำสูงเข้าท่วมตลาดท่าพระจันทร์แล้ว บรรดาพ่อค้าแม่ค้าเริ่มทยอยปิดหนีน้ำ น่้ากังวลกรมอุทกศาสตร์ ระบุ วันที่ 16-18 ต.ค. น้ำทะเลจะหนุนทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นไปอีก              เมื่อช่วงบ่ายของวันที่  14 ต.ค. บรรยากาศที่บริเวณท่าพระจันทร์ กรุงเทพมหานคร ซึ่งอยู่ติดกับริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มีระดับน้ำสูงเข้าท่วมตลาดแล้ว ส่งผลบรรดาพ่อค้าแม่ค้าเริ่มทยอยปิดหนีน้ำ บ้างก็ช่วยกันเร่งวิดน้ำเพื่อยับยั้งให้ข้าวของเสียหายน้อยที่สุด ขณะที่ประชาชนที่มีความจำเป็นต้องใช้บริการเรือด่วนเจ้าพระยา ได้มีการยกระดับทางเดินให้สูงขึ้น ทำให้ยังสามารถเดินทางไปขึ้นเรือได้
      
       อย่างไรก็ดีวันนี้ กรมอุทกศาสตร์ ได้ประกาศเตือนว่า ระดับน้ำทะเลหนุนสูงในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะบริเวณหน้ากองบัญชาการ กองทัพเรือ จะมีระดับน้ำทะเลจะหนุนสูง 2.05-2.10 เมตร ในวันที่ 16-18 ตุลาคม และจะหนุนสูงอีกครั้งในวันที่ 27-31 ตุลาคม ประมาณ 2.2-2.25 เมตร แต่ขณะนี้เพิ่งจะวันที่ 14 ทำให้หลายคนอดกังวลไม่ได้ว่า หากถึงวันที่ 16 ระดับน้ำสูงขึ้น จะเอ่อล้นเข้าท่วมวัดพระแก้วหรือไม่ เนื่องหากข้ามถนนจากท่่าพระจันทร์ ก็เป็นวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า วัดพระแก้ว
      
       ขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่า ได้สั่งการให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตที่มีพื้นที่ 27 ชุมชน นอกแนวคันกั้นน้ำของกรุงเทพมหานคร ดูแลสถานการณ์อย่างใกล้ชิดให้เตรียมความพร้อมในการอพยพชาวบ้านไว้แล้ว หากชาวบ้านนอกแนวคันกั้นน้ำต้องการอพยพให้แจ้งกับสำนักงานเขตดำเนินการได้ทันที เพราะคาดว่า 2-3 วันข้างหน้าระดับน้ำจะสูงขึ้นไปอีก
ภาพ ข้อมูลบางส่วนจาก ASTVผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์อพยพ มธ.รังสิต น่าห่วง!น้ำล้อมรอบ
16 ต.ค. ภายหลังจากที่สถานการณ์น้ำที่ยังรุนแรงได้พังที่กั้นน้ำของนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จนไหลเข้าท่วมทั่วพื้นแบบควบคุมไม่อยู่ ทำให้พื้นที่ใกล้เคียงต่างต้องเตรียมตัวและเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ซึ่งเป็นศูนย์อพยพใหญ่ที่รองรับผู้ประสบภัยที่เดือดร้อนหลายพันครอบครัว
โดย นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊คส่วนตัวเมื่อช่วงดึกที่ผ่านมา อีกทั้งยังรายงานสถานการณ์น้ำรอบๆ พื้นที่มหาวิทยาลัย ศูนย์รังสิต ซึ่งระบุไว่ว่า ขณะนี้น้ำได้ท่วมล้อมมหาวิทยาลัยทั้ง 4 ด้าน ด้านเหนือประชิด เอไอที (สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย) ด้านหลังมหาวิทยาลัยคือ สวทช. รถไม่สามารถสัญจรได้แล้ว น้ำห่างสันเขื่อนของมหาวิทยาลัยไม่มาก
ที่กลับรถเชียงรากทางด้านใต้ของมหาวิทยาลัยก็ใช้การไม่ได้แล้ว แต่ถนนยังพอใช้การได้ ส่วนหน้า เดอะ แคมปัส น้ำก็ท่วม ที่กลับรถบางขันน้ำน้ำก็ท่วมเช่นกัน ส่วนด้านตะวันออก ถนนพหลโยธิน รถยังสัญจรได้ 1-2 ช่องจราจร ทางมหาวิทยาลัยได้เสริมคันดินเข้าไปอีก 1.5 เมตร ทั้ง 4 ด้านแล้ว แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะรองรับได้และปลอดภัยหรือไม่
อย่างไรก็ตามสถานการณ์น้ำบริเวณดังกล่าว ยังคงต้องจับตาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงอย่าง นิคมอุตสาหกรรมนวนครและนิคมอุตสาหกรรมบางกะดี ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าเสี่ยงต่อการถูกน้ำไหลท่วมเป็นพื้นที่ต่อไป
ส่วนการสำรวจความเสียหายล่าสุด นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จำเป็นต้องปล่อยให้น้ำเข้าท่วมพื้นที่อุตสาหกรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะที่ มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ก็ถูกน้ำไหลเข้าท่วมในระดับสูงเช่นเดียวกัน
ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต
ข่าวจาก INN


วังน้อย น้ำท่วมสูง 2 เมตร จราจรติด 10 กม.
ตำรวจทางหลวงสั่งปิดเส้นทางการจราจรพหลโยธินเส้นวังน้อย-สระบุรีจมกว่า 2 เมตร การจราจรติดขัดยาว 6-10 กิโลเมตร
วันนี้ (13 ต.ค. 54) สถานการณ์น้ำท่วมในจ.พระนครศรีอยุธยา ยังคงวิกฤติหนัก โดยบนถนนพหลโยธิน ล่าสุดขณะนี้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บางจุดสูงกว่า 2 เมตร มีรถจอดเสียข้างทางอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้ตำรวจทางหลวงสั่งปิดเส้นทางการจราจรทั้งขาเข้าและขาออก ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 51-85

โดยขอให้หลีกเลี่ยงเส้นทางถนนพหลโยธิน เพราะว่าการจราจรติดขัดยาว 6-10 กิโลเมตร รวมทั้งภายในมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ช่วง อ.วังน้อย ระดับน้ำทะลักเข้าท่วมสูง 1.20 เมตร พระสงฆ์และประชาชนเร่งช่วยขนพระไตรปิฎกกว่า 10,000 เล่มหนีน้ำ
ทั้งนี้ ทางหลวงแนะใช้เส้นทางเลี่ยงน้ำท่วม ดังนี้
1.ถนนพหลโยธิน ช่วง กม. 51 - 58 เขต อ.วังน้อย ทั้งขาเข้า - ขาออก มีน้ำท่วมขังในเส้นทาง โดยเฉพาะ กม. 55 - 57 ระดับน้ำสูง 60 ซม. ทำให้การจราจรติดขัด แนะนำใช้ทางเลี่ยง ถนนวงแหวนตะวันตก - และเส้นทางสายรังสิต - อ.องครักษ์ -บ้านนา - นครนายก เวลา 18.00 น. ปิดการจราจร ถ.พหลโยธิน (ขาเข้า) ที่ กม. 85 - 86 อ.หนองแค จ.สระบุรี เพื่อให้รถขาเข้า ใช้เส้นทาง อ.หนองแค - อ.หนองเสือ - อ.ธัญบุรี - คลอง 10 - ถ.รังสิต - องครักษ์ - เข้ากรุงเทพฯ
2. (เอเชีย) ขาออก ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา - อ.บางปะหัน ระดับน้ำสูง ยังคงปิดสะพานเดชาติวงศ์ ปิดการจราจร ถนนพหลโยธิน ไม่ให้เข้าตัว จ.นครสวรรค์ ให้ใช้ทางเลี่ยง จ.นครสวรรค์ ขาออกจากกรุงเทพฯ - เดินทางไปภาคเหนือ แนะนำ 3 เส้นทาง
ขณะนี้ควรเลี่ยงเส้นทางพหลโยธิน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา

1.เส้นทางวงแหวนตะวันตก ถึงแยกบางบัวทอง ใช้ถนนตลิ่งชัน - สุพรรณบุรี ไปถึง จ.สุพรรณบุรี เลี่ยงเมืองอ่างทอง ใช้ถนนเอเชีย - ขึ้นต่างระดับอินทร์บุรี - ใช้ตากฟ้า - อ.ไพศาลี - อ.หนองบัว - อ.เขาทราย - พิจิตร - อ.วังทอง - พิษณุโลก ไปภาคเหนือ ช่วง จ.สุพรรณบุรี - ชัยนาท ยังไปได้ แต่จาก จ.ชัยนาท - สวนนก - ต่างระดับที่จะออกถนนเอเชีย รถทุกชนิดผ่านไม่ได้
2.ถนนพหลโยธิน ผ่าน จ.สระบุรี - แยกพุแค ใช้ถนนพุแค - หล่มสัก ผ่าน อ.ชัยบาดาล, อ.ศรีเทพ, อ.วิเชียรบุรี, สี่แยกราหุล เลี้ยวซ้าย ใช้ถนนชัยภูมิ - อ.หนองบัว ถึงแยกไป อ.หนองบัว เลี้ยวขวาใช้ ถนนตากฟ้า - พิจิตร - พิษณุโลก หรือ ถนนพหลโยธิน สระบุรี - พุแค - จ.เพชรบูรณ์ - อ.หล่มสัก - อ.วังทอง - จ.พิษณุโลก จะสะดวกกว่า
ด้านขาเข้ากรุงเทพฯ มาจากภาคเหนือ แนะนำ 2 เส้นทาง

1.จากภาคเหนือ ให้ใช้เส้นทางเข้า จ.พิษณุโลก - อ.วังทอง - อ.หล่มสัก ใช้ทางหลวง 21 - เพชรบูรณ์ - พุแค - สระบุรี เข้าก่อนถึงต่างระดับ อ.วังน้อย ให้เลี้ยวซ้าย ใช้วังน้อย - อ.ธัญบุรี - รังสิต - องครักษ์ หรือใช้ถนนมอเตอร์เวย์ เข้ากรุงเทพฯ
2.จากภาคเหนือจะมาในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี - ชัยนาท - พระนครศรีอยุธยา จากพิษณุโลก - อ.วังทอง - เลี้ยวขวา ใช้พิจิตร - ตากฟ้า - อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี - เอเชียขาเข้า
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
ข้อมูลจาก TNN